วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การเติมลมยางรถยนต์ มาก-น้อย มีผลอย่างไรบ้าง





การ ขับขี่รถยนต์ให้นุ่มนวลนั้น ต้องอาศัยยางรถยนต์ที่เหมาะสมและเหนือไปกว่านั้นต้องรู้เรื่องการเติมลมยาง เป็นสำคัญด้วย หากเราเติมลมยางไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดผลเสียกับยาง ความนุ่มนวลในการขับขี่ และอาจเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกันครับ

เติมลมน้อยเกินไป
ยางจะบวมล่อนได้ง่าย อายุการใช้งานลดลง  ดอกยางสึกผิดปกติ   อาจจะสึกที่ขอบยางข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
สึกที่ไหล่ยางหรือสึกที่ปลายดอก มีความฝึดที่ผิวสัมผัสมาก ซึ่งจะทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงกว่าปกติ

เติมลมมากเกินไป
เมื่อได้รับแรงกระแทกจะระเบิดได้ง่าย อายุการใช้งานลดลง   ดอกยางโดยเฉพาะกลางหน้ายางจะสึกมาก   ถ่ายเทการสั่นสะเทือนหรือการกระแทกขึ้นสู่ตัวรถได้มาก   ขาดความนุ่มนวล

การเติมลมของยางล้อคู่
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเติมลม   และรักษาระดับแรงดันลมในล้อคู่ให้เท่ากันตลอดเวลา  ไม่เช่นนั้นยางเส้นที่มีแรงดันมากจะรับน้ำหนักมากชำรุดเสียหายง่าย สึกหรอผิดปกติ เส้นที่เติมลมน้อยจะรับน้ำหนักน้อย การสึกของยางจะไม่เรียบเสมอกัน หรือสึกอย่างผิดปกติ

1.ไม่ควรปรับความดันลมยางในขณะยางร้อน เนื่องจากความร้อนทำให้อากาศขยายตัว
2. ยางเรเดียลเส้นลวดต้องเติมลมมากกว่ายางผ้าใบธรรมดา

จำไว้น่ะครับ
ความแตกต่างของแรงดันลมเพียง 1 ก.ก./ซ.ม.2 หรือ 14 ปอนด์/ตร.นิ้ว จะรับน้ำหนักต่างกันถึง 400 ก.ก.
ถ้าแรงดันลมต่างกัน 2 ก.ก./ซ.ม.2 หรือ 28 ปอนด์/ตร.นิ้ว จะรับน้ำหนักต่างกันถึง 800 ก.ก.
ในกรณีแรงดันลมต่างกัน 2 ก.ก./ซ.ม.2 หรือ 28 ปอนด์/ตร.นิ้ว ยางเส้นที่เติมลมมาก จะมีอายุใช้งานเพียง 70%
เส้นที่ลมยางอ่อนจะมีอายุการใช้งานเหลือเพียง 45%    การเติมลมให้เท่ากันจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

เพราะฉะนั้น จึงควรเติมลมให้พอดี ตามเกณฑ์ที่โรงงานกำหนด หรือพิจารณาให้สอดคล้องกับสภาพการใช้งาน

นอกจากต้องเติมลมให้ถูกต้องแล้วจะต้องมีการตั้งศูนย์ล้อ ตั้งมุมของล้อหน้าให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดของมาตรฐานของรถยี่ห้อนั้น อีกด้วยการตรวจเช็คลมยาง ควรตรวจเช็คในขณะที่ยางยังเย็นอยู่ เพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้องควรเติมลมยางให้ได้ตามมาตรฐานที่บริษัทรถกำหนด ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเก็บยางไว้นานๆ  ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ยางสัมผัสกับความร้อน แสงแดด ลม ฝน ความชื้น น้ำมัน และ สารเคมีต่างๆ  หากสามารถปฏิบัติได้ตามนี้ อายุการใช้งานของยางก็จะยาวนานขึ้น